มรดกทางวัฒนธรรมของฮิราอิซูมิ

ประวัติศาสตร์ของฮิระอิซูมิ

ฟูจิวาระแห่งโอชู

ประวัติศาสตร์ของโอชูถิ่นกำเนิดของ(มรดกโลกฮิระอิซูมิ)

รุ่นแรก ฟูจิวาระ คิโยฮิระ ผู้( เป้าหมายคือโลกแห่งความสงบสุข)

 หลังจากที่ได้ย้ายไปอยู่ที่ฮิระอิซูมิ คิโยฮิระได้ปกครองเขตโทโฮคุ สิ่งที่มุ่งหวังสูงสุดคือ อยากสร้างโลกที่มีแต่ความสงบสุข ดังนั้นแทนที่จะดำเนินการสู้รบต่อไป เพื่อแสดงความเสียใจกับเพื่อนๆ ผู้เสียชีวิตในสงครามและรวมถึงดวงวิญญาณผู้คนให้ได้สุขสงบ จึงเริ่มต้นสร้างวัดจูซนจิขึ้น
 ช่วงที่คิโยฮิระสร้างวัดจูซนจินั้น ได้มีการเขียน (คัมภีร์บันทึกการสร้างจูซนจิ) เอาไว้ ในนี้คิโยฮิระได้สาบานว่าจะสร้างประเทศที่มีแต่ความสงบสุขไม่มีสงคราม เป็นดังการเขียนคำปฏิญาณนั่นเอง ดังนั้นการตั้งเป้าหมายในการสร้างโลกแห่งความสงบสุขก็ได้เกิดขึ้น ในประวัติศาสตร์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจอันแรงกล้าในการสร้างประเทศแห่งความสงบสุขของคิโยฮิระได้
 คิโยฮิระ ได้เริ่มจากการสร้างศาลาสองชั้น คนจิคิโดก่อน และสร้างศาลาอื่นๆตามมา ขุดสระน้ำ ก่อสร้างสวน เป็นต้น รวมระยะถึง 20 ปี วัดจูซนจิถึงได้สร้างเสร็จสมบูรณ์
 นอกจากนี้ คิโยฮิระยังได้รวมรวมเรียกช่างฝีมือต่างๆ จากเกียวโต เกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูป อุปกรณ์เกี่ยวกับวัด ตกแต่งศาลา(ภายใน) พระคัมภีร์ และอื่นๆ มาไว้อย่างพร้อมเพรียง โดยในทั้งหมดนี้เห็นได้จาก การตกแต่งภายในศาลาคนจิคิโด เครื่องประดับของพระพุทธรูปทำด้วยทองและทองแดง และพระคัมภีร์ที่มีการใช้กระดาษสีน้ำเงินเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองที่เสร็จสมบูรณ์ จากสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ทราบว่า ที่ฮิระอิซูมิได้ใช้เทคนิคขั้นสูงที่สุดในสมัยนั้น
 ในปัจจุบัน วัดที่ยังคงเหลือกซากโบราณโฮเนะเดระมุระโชวเอนอิเซกิที่เกนบิโจว อ.อิจิโนะเซกิ คิโยฮิระ เป็นวัดที่พระ (จิไซโฮเรนโค) เป็นผู้ที่ทำพระคัมภีร์เสร็จสมบูรณ์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับจากคิโยฮิระตอนหน้าที่เป็นคนที่ดูแลพระคัมภีร์

คนจิคิโด

 ด้านในของคนจิคิโดนั้น สว่างเจิดจ้าจนแสบตาเพราะสีเหลืองของทอง หอย มุกที่ถูกประดับประดาไว้ เมื่อปี ค.ศ.1968 ได้มีการซ่อมแซมปรับปรุงเสร็จสิ้น ทำให้กลับมาอยู่ในสภาพเดียวกับสมัยก่อน
 ในแทนบูชามีการออกแบบให้มีนกยูงทอง ซึ่งบรรจุร่างของฟูจิวาระทั้งสามรุ่นและส่วนของศีรษะของยาสุฮิระไว้

คนจิคิโด(มรดกของชาติ)

ภายในศาลาคนจิคิโด

เครื่องตกแต่งพระพุทธรูปทำจากทองและทองแดง(มรดกของชาติ)

เครื่องตกแต่งพระพุทธรูปทำจากทองและทองแดง(มรดกของชาติ)

 การตกแต่งทำด้วยทองและทองแดงนี้ ได้ถูกประดับไว้ที่ภายในของคนจิคิโด ส่วนกลางของเครื่องตกแต่งนี้มีรูปแกะสลักของคะเรียวบิงงะอยู่

พระคัมภีร์ที่มีการใช้กระดาษสีน้ำเงินเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองที่เสร็จสมบูรณ์ (มรดกของชาติ)

พระคัมภีร์ที่มีการใช้กระดาษสีน้ำเงินเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองที่เสร็จสมบูรณ์ (มรดกของชาติ)

 เป็นพระคัมภีร์ที่มีการเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองและสีทองแดง เรียกว่า (จูซนจิเคียว) ที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอพระคัมภีร์

รุ่นที่สอง ฟูจิวาระ โมโตะฮิระ (วัฒนธรรมเจริญรุ่งเรืองที่ฮิระอิซูมิ)

 หลังจากที่รุ่นแรกคิโยฮิระได้เสียชีวิตลง ผู้สืบต่อคิโยฮิระก็คือ โมโตะฮิระ
 โมโตะฮิระนั้น ได้ทำให้ภาพเขียนที่คิโยฮิระเขียนไว้ให้ฮิระอิซูมิเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนานั้นเป็นจริงขึ้นมา โดยแบ่งส่วนของทอง จากการค้าขาย มาทำให้เกิดมีทรัทพ์สมบัติมากขึ้น และมีการสร้างวัดโมซือจิขึ้นทางใต้ของฮิระอิซูมิ ศาลาหลักของวัดโมซือจินั้น เริ่มต้นจากคนโดเอนริวจิ ในบันทึกประวัติศาสตร์ (อะซุมาคะงะมิ) ได้เขียนไว้ว่างดงามมากขนาดที่หาไม่ได้อีกแล้วในประเทศ จนถึงปัจจุบันเกิดไฟไหม้ถึง 2 ครั้งทำให้ไม่หลงเหลือซากของศาลานี้ให้เห็น แต่ฐานราก (หินที่ใช้ยึดพื้นดินกับอาคาร) สระน้ำโออิซูมิซึ่งเป็นศูนย์กลางของสวนโจวโดนั้น ยังคงสภาพเดิมอยู่จนถึงปัจจุบัน


สวนโมซือจิ (ซากทางประวัติศาสตร์พิเศษ ภูมิทัศน์งดงามพิเศษ)

 โมโตะฮิระนั้น เพื่อที่จะสร้างพระพุทธรูปยากุชิเนียะไรโซของศาลาหลักวัดเอนริวจิ ได้ไปเชิญช่างสร้างพระพุทธรูปมาจากเกียวโต และใช้เวลาสร้างจนแล้วเสร็จ 3 ปี ว่ากันว่าได้ส่งเครื่องบรรณาการไปยังเกียวโตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เรื่องที่พระพุทธรูปยากุชิเนียะไรที่สร้างเสร็จนั้นก็งดงามจนผู้คนตกตะลึงนั้น ก็ได้ไปถึงหูของพระจักรพรรดิโทบะเข้า จึงมีคำสั่งให้ให้หยุดสร้าง หยุดให้ความช่วยเหลือทีเดียว จากเรื่องนี้ทำให้เห็นได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก

รูปแบบจำลองสร้างใหม่ของวัดโมซือจิ

พระพุทธรูปยากุชิเนียะไรปางนั่ง


อดีตสวนคันจิไซโออิน

อดีตสวนคันจิไซโออิน (ซากโบราณคันจิไซโออินอะโต) (ภูมิทัศน์งดงามพิเศษ ซากทางประวัติศาสตร์พิเศษ)〕

 เป็นวัดที่ภรรยาของโมโตะฮิระ ได้สร้าง (คันจิไซโออิน) ไว้ข้างๆ กับวัดโมซือจิ ปัจจุบันส่วนของสวนได้มีการปรับปรุงเพื่อใช้เป็นสวนสาธารณะ

รุ่นที่สาม ฟูจิวาระ ฮิเดะฮิระ (ราชาแห่งภาคเหนือ)

 หลังจากที่โมโตะฮิระเสียชีวิตลง ผู้สืบทอดรุ่นที่สามคือฮิเดะฮิระ ฮิเดะฮิระให้คิงเคซังเป็นบรรทัดฐาน และก่อสร้างโมซือจิต่อจากโมโตะฮิระจนแล้วเสร็จ นอกจากนั้นยังสร้างมุเรียวโคอินที่ได้แบบมาจากศาลาโฮโด ของเบียวโดอิน ที่อูจิ ถือได้ว่ากินอาณาเขตที่กว้างใหญ่มาก
 นอกจากนี้ บริเวณศูนย์กลางของมุเรียวโคอินนั้นยังมี บริเวณของยานางิโนะโกะโชะอีกด้วย ถือว่าบริเวณกว้างที่ต้องดูแลรักษาปรับปรุง และทางอำเภอฮิระอิซูมิได้ปรับปรุงจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
 เหตุผลที่กล่าวกันว่าฮิเดะฮิระนั้นเป็นราชาแห่งภาคเหนือก็คือ มีความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจ และดูแลบำรุงรักษาเยี่ยวยาเขตโทโฮคุได้ คิโยฮิระและโมโตะฮิระนั้น ถือได้ว่า ปกครองได้ระดับเยี่ยมยอด (โอริวชิ) แต่ฮิเดะฮิระนั้นยิ่งกว่านั้น คือเป็น (จินจูฟุโชกุน) โชกุนที่มีความสามารถทางการทหาร ถ้าเป็นปัจจุบันตำแหน่งนี้ก็คือเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหกจังหวัดของเขตโทโฮคุ เรียกได้ว่าฮิเดะฮิระนั้นเป็นผู้ควบคุมเขตโทโฮคุทั้งหมดนั่นเอง

ซากโบราณมุเรียวโคอินอะโต (ซากทางประวัติศาสตร์พิเศษ)

มุเรียวโคอิน (สร้างขึ้นใหม่ CG)


ประตูทางเข้าวัดจูซนจิ ○สมบัติทางวัฒนธรรมของจ.อิวาเตะ

ตำแหน่งของ (มรดกโลกฮิระอิซูมิ)

 ภูเขาคิงเคซัง เพื่อที่จะปกป้องฮิระอิซูมีได้ฝังนกสีทองตัวผู้ตัวเมียไว้บนยอดเขา เล่ากันว่าเป็นภูเขาที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยฮิเดะฮิระใช้เวลาหนึ่งคืนในการก่อสร้าง

ตระกูลฟูจิวาระได้ถูกโค่นล้มลง

 ฮิเดะฮิระนั้นได้ช่วย มินาโมโตะโนะโยชิสึเนะที่ถูกโยริโตะโมะซึ่งเป็นพี่น้องตามล่ามายังที่ฮิระอิซูมิไว้ แต่เมื่อฤดูหนาวปี 1187 ฮิเดะฮิระได้ล้มป่วยเสียชีวิตลง ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่คือยาสุฮิระ ได้ถูกโยริโตะโมะขู่ไว้ว่า (ถ้าช่วยโยชิสึเนะ จะโจมตีฮิระอิซูมิได้พังพินาศ) และต้านทานอำนาจของโยริโตะโมะไว้ไม่ได้ โยชิสึเนะถูกโจมตี และท้ายสุดได้ฆ่าตัวตาย
 หลังจากมั่นใจแล้วว่าฮิเดะฮิระและโยชิสึเนะได้เสียชีวิตแล้ว โยริโตะโมะก็ได้นำทหารมุ่งไปยังฮิระอิซูมิ ภายหลังยาสุฮิระ ได้หนีจากการตามล่าพวกทหารของโยริโตะโมะไปทางจ.อากิตะ แต่ท้ายสุดทั้งหมดรวมถึงผู้ติดตามก็ได้ถูกสังหารหมด
 ถึงตรงนี้ตระกูลฟูจิวาระแห่งโอชูก็ได้ถูกโค่นล้มลง หลังจากนั้นก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ทั้งจากสงคราม และไฟป่า ทำให้ศาลาต่างๆ ของฮิระอิซูมินั้นได้ถูกไฟไหม้หมด ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการสร้างขึ้นใหม่จนถึงปัจจุบัน

บุคคลที่เกี่ยวข้อง